เที่ยว 3 สไตล์ใน Kawasaki City

::: JAPAN UPDATE : 2017-12-01 18:37:00

Kawasaki City

     ใครมีแพลนไปเที่ยวในแถบคันโต แล้วกำลังมองหาที่เที่ยวเด็ดๆ มากองกันตรงนี้เลย วันนี้เราจะพาไปเที่ยว 3 แบบ 3 สไตล์ ในเมือง Kawasaki จังหวัด Kanagawa นั่งรถไฟจากโตเกียวประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้วจ้า จะสายมุ้งมิ้ง สายธรรมชาติ หรือสายราตรี บอกเลยเมืองนี้มีครบ ถ้าไม่เด็ดจริงเราไม่แนะนำอยู่แล้ว
     เริ่มที่แรกด้วยการปลุกความสดใสในตัวเองกันหน่อย เพราะที่เราจะพาไปคือ Fujiko · F · Fujio Museum หรือพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน พิพิธภัณฑ์ของเจ้าแมวหุ่นยนต์สีฟ้าขวัญใจทั้งเด็กเล็กเด็กโต งานนี้ใครเป็นสาวกโดราเอมอนฟินลื๊ม! เพราะคุณจะได้รู้จักจุดเริ่มต้นของโดราเอมอน การ์ตูนอมตะอันแสนโด่งดัง

 

     มาโลกของแมวหุ่นยนต์ทั้งที ก็ต้องมีของวิเศษรออยู่แน่นอน สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่แจกให้ก็คือเจ้าวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ มีหน้าที่ในการบรรยายตามจุดต่างๆ  เราแค่กดตัวเลขที่โชว์บริเวณผลงาน เครื่องนี้ก็จะอธิบายเกี่ยวกับงานชิ้นนั้น  มีทั้งหมด 4 ภาษา อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี น่าเสียดายที่ยังไม่มีภาษาไทย แต่ไม่แน่น้าถ้าคนไทยไปเที่ยวกันเยอะๆ เขาอาจจะทำภาษาไทยมาให้พวกเราบ้างก็ได้
     Fujiko · F · Fujio Museum  แบ่งออกเป็น 3 โซนค่ะ โซนแรกที่เข้ามาถึงเป็นแกลเลอรี่รวมผลงานของ Fujiko Fujio หรือคุณ Hiroshi Fujimoto ผู้ให้กำเนิดโดราเอมอนอันโด่งดัง มีตั้งแต่ภาพวาด ภาพวาดระบายสีของการ์ตูนโดราเอมอน  Perman และ Kitarez Encyclopedia ให้เราเดินชมแบบละลานตา พอมาเห็นของจริงที่ยังมีรอยเส้นดินสออยู่ก็แอบขนลุกเหมือนกันนะเนี่ย โซนนี้ยังมีโต๊ะทำงานของ Fujiko Fujio จำลองไว้ให้ดูด้วยน้า
ปล.โซนนี้เขาห้ามถ่ายภาพนะคะ แต่ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ใจดีอนุญาตให้ทีมงานสุโก้ยเจแปนได้เก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ เป็นพิเศษจ้า

 

 
   มาต่อกันที่โซน 2 บริเวณนี้ก็ยังมีแกลเลอรี่รวมผลงานของ Fujiko Fujio อยู่ และยังมีมุมน่ารักที่ตกแต่งไปตามเทศกาลให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันอย่างจุใจ ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่เหล่าโดราเอมอนและเพื่อนๆ ก็จะมาใน Concept Christmas หมวกแดงแบบนี้ค่ะ

 

 

     โซน 3 ถูกออกแบบให้เป็นสนามเด็กเล่นบนชั้นดาดฟ้า ตรงนี้จะมีมุมให้เหล่าสาวกถ่ายรูปกันอย่างจุใจ เสมือนว่าได้หลุดไปอยู่ในโลกของโดราเอมอนเลยค่ะ หรือใครอยากได้ของฝากตรงนี้ก็ยังมีมุมขายขนมเล็กๆ ให้เราได้ซื้อกลับไปฟินต่อที่บ้านด้วยน้า


 

หากใครเดินเที่ยวจนเหนื่อยใน Fujiko · F · Fujio Museum ก็มีร้าน Museum Café ไว้คอยบริการ มาถึงหน้าร้านก็จะเจอไจแอนท์รอต้อนรับอยู่แบบนี้เลย

 

เมนูอาหารที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเพราะแต่ละจานถูกจัดเรียงตกแต่งมาได้น่ารักมากกก น่ารักจนไม่กล้ากินเลยแหละ แต่ด้วยความหิวก็ต้องจำใจยอมกินไปจนหมดจาน ขอโทษด้วยน้าม่อนTT เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้ รสชาติก็อร่อยไม่แพ้หน้าตาเลยนะคะ ทุกคนกินกันเกลี้ยงจานไม่เหลือความเป็นโดราเอมอนเลย555
 

   

 ใครอยากมาที่ Fujiko · F · Fujio Museum วิธีการเดินทางก็ง่ายแสนง่าย นั่งรถไฟสาย Odakyu หรือสาย JR Nanbu มาลงที่สถานี Noborito (จากโตเกียวมาประมาณ 30 นาที) แล้วเดินไปขึ้น  Shuttle Bus ลายโดราเอมอนที่จอดรออยู่ ค่าโดยสารคนละ 210 เยน รถก็จะไปส่งเราถึงหน้าพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ ค่าเข้าชมคนละ 1,000 เยน  เปิดเวลา 9.30 – 18.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม http://fujiko-museum.com/english/


 



     ที่ต่อไปอยู่ไม่ไกลจาก Fujiko · F · Fujio Museum เลยค่ะ สามารถนั่งบัสคันเดิมมาลงที่ป้าย Ikuta Ryokuchi ก็จะถึง Ikuta Ryokuchi Park (ค่าโดยสารคนละ 210 เยน) ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะธรรมดาแต่เป็นที่ตั้งของ Nihon Mikaen (นิฮง มิงคะเอ็น)หรือพิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นกลางแจ้ง ที่รวบรวมบ้านญี่ปุ่นโบราณจากทั่วประเทศกว่า 25 หลังมาไว้ในที่เดียว
**ค่าเข้าชม คนละ 500 เยน เปิด 9.30 – 17.00 น. (เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์เปิดถึง 16.30 น.) ปิดทุกวันจันทร์

 

 

 

 

 

เข้ามาในนี้เหมือนเราหลุดไปในยุคโบราณเลยค่ะ เพราะเขาอนุรักษ์บ้านทุกหลังให้คงอยู่ในสภาพเดิม และยังเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไว้อย่างดี ทำให้เราได้เห็นถึงวิถีชีวิตในอดีตได้อย่างแท้จริง

 

 

ระหว่างเดินชมเจอร้านขายดังโกะพอดี ขอลองซะหน่อย ราคา 160 เยน ได้แบบนี้มา 2 ไม้จ้า หนึบๆ เค็มๆ หวานๆ ก็เพลินดีน้า

 

 

     นอกจากบ้านโบราณแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะพื้นบ้านให้ทำอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการย้อมผ้าแบบดั้งเดิม การแสดงบนเวทีคาบูกิ (จัดในวันที่ 3 พ.ย. ของทุกปี) การก่อกองไฟ การสาธิตทำเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน
     มาถึงถิ่นทั้งทีไม่พลาดอยู่แล้วค่ะ กิจกรรมที่เราเลือกก็คือ การย้อมผ้าแบบดั้งเดิม ส่วนนี้จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มคนละ 620 เยนนะคะ ราคานี้รวมค่าอุปกรณ์ทั้งหมดไว้แล้วจ้า แถมยังได้ผ้าย้อมฝีมือตัวเองกลับบ้านไปด้วย

 

 

เมื่อเราจ่ายค่ากิจกรรมแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาสอนขั้นตอนการทำ อุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็นการนำของที่หาได้ทั่วไปรวมถึงของเก่ามารีไซเคิล ไม่ว่าจะเป็นหนังยาง ลูกแก้ว เมล็ดถั่ว ตลับฟิล์มเก่า ตะเกียบ ไม้ไอศกรีม ไม้หนีบผ้า โดยของแต่ละอย่างก็จะทำให้ลวดลายออกมาแตกต่างกันค่ะ อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ความเป็นศิลปะของแต่ละคนแล้วน้า ส่วนศิลปะของเราเป็นแบบไหน ให้ภาพเล่าเรื่องเนอะ555

 

 

 

เที่ยวจบไป 2 ที่ก็ได้เวลาของงาน Jewellumination ที่สวนสนุก Yomiuriland พอดีค่ะ บอกเลยว่าที่นี่เรา Recommend มว๊ากก เพราะมันอลังการเวอร์วังจริงๆ ค่ะ อยากให้มาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง งานนี้จะจัดถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ปีหน้าเลยน้า

 


ที่เห็นอลังการแบบนี้เพราะเขาใช้ไฟกว่า 5 ล้านดวงมาประดับตกแต่งทุกตารางนิ้วของสวนสนุกเลยค่ะ มันสวยมากกกกจริงๆ ที่สำคัญที่นี่กว้างมาก ใครไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่อยากเบียดเสียดกับฝูงชนให้หงุดหงิดใจต้องชอบที่นี่แน่นอน อากาศเย็นๆ กับไฟสวยๆ ถ้าได้เดินจูงมือกับแฟนคงจะปริ่มน่าดู ><

 

 

 



นอกจากความสวยงามของ llumination แล้วภายใน Yomiuriland ยังมีโซนของ MY U.F.O. FACTORY ที่ให้เราได้ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติของตัวเองในราคาเพียง 300 เยนเท่านั้น อยากจะกินรสอะไร ใส่ทอปปิงอันไหนก็เลือกได้ถึง 4 อย่างเลย แค่นี้เราก็ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จเป็นของตัวเองแล้วจ้า


 

สำหรับใครที่อยากมาชมความสวยงามของงาน Jewellumination ใน Yomiuriland  ต้องเสียค่าเข้าคนละ 2,400 เยน สามารถเข้าได้ตั้งแต่ 16.00 – 20.30 น.ค่ะ ราคานี้รวมดูโชว์+เครื่องทุกอย่างแบบไม่อั้นด้วยนะ คุ้มมากก แต่ถ้าใครกลัวไม่จุใจอยากมาเต็มวันก็สามารถซื้อบัตรแบบ One Day Pass ในราคา 5,400 เยนได้ค่ะ เข้าได้ตั้งแต่ 9.00 – 20.30 จะเล่นเครื่องเล่นตอนเช้า รอดูไฟตอนกลางคืน ก็ฟินดีน้า ตั๋วแบบ One Day Pass มีส่วนลด 500 เยน ให้กับชาวต่างชาติด้วยนะคะ แต่อย่าลืมพกพาสปอร์ตมาน้า
การเดินทางมายัง Yomiuriland ก็คือนั่งรถไฟ Odakyu Line (สายโอดะคิว)มาลงที่ Yomiuriland-mae Station ออกทาง Exit South แล้วเดินมาขึ้น Odakyu bus ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึงหน้า Yomiuriland เลยค่ะ ถ้าเห็นชิงช้าสวรรค์ไซส์ใหญ่แบบนี้ก็แปลว่ามาถูกที่แล้วจ้า
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.yomiuriland.com.e.ym.hp.transer.com/jewellumination/info.html