หนีร้อน มาหารัก ณ อิวาเตะ (Iwate) Part 2

::: JAPAN UPDATE : 2017-03-22 03:00:54

         
ต่อจาก Part 1 : 
http://sugoijp.com/travel_details.php?id=601

ยาว ๆ กันไปเลย กับ จังหวัดอิวาเตะ กับทริปหนีร้อน มาหารัก แต่เมื่อ Part ที่แล้วรักได้ร่วงลงจมน้ำไปแล้ว ตอนนี้ทำสำเร็จแค่หนีร้อนเอง แต่ไม่เป็นไร ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น แฮร่! ไปเที่ยวต่อดีกว่า 

DAY 4 ( 12 ก.พ. 2017 )


            สำหรับภารกิจการท่องเที่ยว ตะลุยหิมะของเราในวันนี้ เราจะย้อนอดีตไปยังยุคเอโดะค่ะ สถานที่ที่เราจะไปนั้นมีชื่อว่า หมู่บ้านโทโนะ ฟุรุซาโตะ (Tono Furusato Village) เดินทางจากโรงแรมประมาณ 20 นาที ถ้าหากมารถไฟลงที่สถานี Tono และเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาที
            สำหรับหมู่บ้านโทโนะ ฟุรุซาโตะแห่งนี้ ได้รวบรวมบ้านญี่ปุ่นโบราณ ที่สร้างขึ้นในรูปแบบที่เรียกว่า นัมบุมาการิยะ (Nanbu Magariya) มีลักษณะเป็นรูปตัว L เป็นบ้านรูปแบบเฉพาะของ ภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งได้รวบรวมมาจากทั่วภูมิภาค
            ตอนที่ไปถึงหมู่บ้านหิมะตกเยอะมากกกกกกก เโรแมนติกมาก ๆ สวยมาก ๆ แต่ก็แลกมาด้วยกับอากาศที่หนาวมาก ๆ – 3 องศาฯ แหนะ แต่ศรีทนได้ นอกจากเดินชมบ้านโบราณ ถ่ายรูปชิคๆ กลางหิมะแล้ว ที่นี่เขายังมีกิจกรรมอื่น ๆให้ทำอีกด้วย อย่าง ทำโซบะ หรือ ทำโมจิก็มีค่ะ แต่เป้าหมายของเราวันนี้คือ เทศกาล Tono Dobekko Festival เป็นเทศกาลที่เราสามารถดื่มสาเกได้แบบไม่อั้น


 

            แต่ก่อนจะไปตรงนั้นเรามีเวลาในการเที่ยวชมหมู่บ้านก่อน โดยบ้านหลังแรกที่เราเข้าไปดูนั้นเป็นบ้านของหัวหน้าช่างไม้ ภายในบ้านมีหุ่นฟางตัวยักษ์ และที่โดดเด่นกว่านั้น ก็คือ...เขิลจุง ช้างน้อยของหุ่นฟางนั่นเอง แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็จะพบเหรียญเสียบอยู่ ตอนแรกเดาเองคิดว่าน่าจะมีไว้ขอพรเกี่ยวกับกำลังวังชาของผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วเขามาขอพรเพื่อสุขภาพกันต่างหาก และเมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านจะมีควันอบอวนทั่วบ้านเลย เขาบอกว่าควันเหล่านี้จะช่วยดูแลรักษาบ้านโบราณ เขาจึงมีรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งไฟ ติดไว้ที่ฝาพนังบ้านด้านบน เพื่อช่วยป้องกันเพลิงไหม้ค่ะ



- หิมะละเอียดมากกกกกกกก น้ำแดงราดได้เลย- 
 

- Let it Goooo, Let it Gooooo -
 

- เหมือนได้ย้อนอดีต หมู่บ้านนี้ใช้ถ่ายละครย้อนยุค บ่อย ๆ -
 

- มีม้าแคระด้วย น่ารักกกกก -
 

-  ตุ๊กตาฟาง ขอพรเกี่ยวกับสุขภาพแข็งแรง ฮี่ๆ - 
 
            เมื่อใกล้เวลามื้อเที่ยง เราก็เดินไปบ้านที่จัด เทศกาล Tono Dobekko Festival ที่โต๊ะอาหารเขาได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้เราหมดแล้ว ในส่วนของสาเกนั้นก็สามารถเติมได้ไม่อั้น ยกเว้นอาหารนะจ๊ะ ความหมายของ Dobekko ก็คือ สาเกท้องถิ่น ซึ่งชาวบ้านทำการหมักเอง ก็เลยมีสีขาวขุ่นเหมือนนมแบบนี้ แต่ในเรื่องของรสชาติเข้มข้นมาก ๆ เหยือกเดียวก็มึนแล้ว ต้องพอแค่นี้เพราะมีเที่ยวต่อช่วงบ่าย อาหารชุดนี้ก็ยกให้ปลาชนะเลิศที่สุดค่ะ เป็นอะไรที่อร่อยมาก กินได้ทั้งตัว-ทั้งก้าง ปกติไม่ชอบกินปลาเลย เพราะไม่โอเคเวลาก้างติดคอ (เคยก้างติดคอ มันทรมาก) แต่สำหรับปลาตัวนี้ ไม่รู้ว่าเขาปรุงยังไง ถึงกินได้หมดทั้งตัว ปลื้มมากกกกก


-  ปลาหร๊อยแรง - 


-  DOBEKKO สาเกท้องถิ่น - 
 
            พอเรานั่งกินได้สักพัก ก็มีการแสดงโบราณ ที่เหล่านักแสดงออกมาร่ายรำประกอบเครื่องดนตรีของญี่ปุ่น ดีงามมาก ๆ  เลยกลับมาหาข้อมูลทีหลังก็เลยได้รู้ว่าเป็นการแสดงที่มีชื่อว่า Hayachine  Kagura”  เป็นศิลปะการแสดงของญี่ปุ่นที่ได้รับ มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จาก UNESCO ปี ค.ศ. 2009 อีกด้วย
           สำหรับเทศกาล Tono Dobekko Festival นี้ จะเริ่มตั้งแต่ พ.ย. – มี.ค. ราคาเริ่มที่ 1,500 เยน (บุฟเฟต์สาเก) ช่างเป็นมื้อเที่ยงที่แสนจะประทับใจ แต่ต้องหักห้ามใจไม่ให้หลงไปกับสาเกเลิศรส ฮือๆ อยากห่อกลับบ้าน








- คัมปายยยยยย -
 


           จบจากสาเกท้องถิ่นเครื่องกำลังติด เราจึงเดินทางต่อไปยัง Asabiraki  โรงงานผลิตสาเก ที่เป็นแบบยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก ๆ แต่เนื่องจากวันนี้โรงงานหยุดก็เลยไม่มีกระบวนการผลิต ปีหนึ่งที่นี่ผลิตสาเกมากมากมายหลายแสนขวดเลยล่ะค่ะ


- โรงงานผลิตสาเก - 
 

- ห้องต่าง ๆ ที่ใช้ผลิตสาเก -
 

-  ถ้าเป็นสีน้ำตาลแสดงว่าสาเกพร้อมดื่มแล้ว จะแขวนตั้งแต่เป็นสีเขียว -
 
            จบจากเดินชมโรงงาน ก็มาต่อที่บริเวณช็อป ก็มีให้เลือกเยอะแยะไม่ค่อยสันทัดเรื่องสาเกสักเท่าไหร่ แต่เดินดูสักพักก็เห็นว่ามีโยเกิร์ตสาเกด้วย ลองชิมดูก็อร่อยดี เลยซื้อกลับมาขวดหนึ่ง ลืมบอก ไปก่อนที่จะซื้อสาเกแต่ละขวดเขาจะมีจุดให้ชิมก่อนด้วยนะคะ สามารถขอชิมได้ทุกรสชาติ ไม่ต้องกลัวซื้อไปแล้วจะเสียเปล่า นอกจากนี้ก็มี Craft Beer ด้วย มีรสส้ม รสชาติของฤดูหนาว และรสช็อกโกแลต ลองซื้อรสช็อกโกแลตมาชิมก็ปะแล่ม ๆ แปลก แต่อร่อยเด้อค่า เสียหายหลายเยนเลยที่นี่
 



- นี่แค่ส่วนหนึ่ง - 


- แก้วและขวดสำหรับใส่สาเกก็มี -



            ช็อปสาเกเสร็จมาต่อที่  IWACHU เพื่อชมและช็อปงานฝีมือที่ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ นั่นก็คือ งานเหล็กนัมบุ (Nambu Ironware) เป็นหนึ่งในงานหัตถกรรมที่ใครมาเยือนอิวาเตะจะต้องซื้อกลับไป เพราะสวยมากจริง ๆ ที่นี่ก็มีให้เลือกหลายพันชิ้นเลยค่ะ บ้างชิ้นมีมูลค่าสูงถึง 600,000 เยน เกือบ 2 แสนแหนะ ขนลุกแต่ก็เข้าใจได้นะคะ เพราะเป็นงานทำมือที่ต้องผ่านการฝึกฝน  นอกจากนี้ก็ยังมีโซนพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ชมงานเหล็กนัมบุ Nanbu ที่มีอายุหลายร้อยปี ได้เห็นขั้นตอนการทำในสมัยก่อน แม้แต่ในช็อปก็ยังมีชิ้นที่ราคาสูงกว่าแสนเย็นเลยล่ะ


- ห้องทำงานเหล็กเป็นระเบียบมาก - 
 

-  ลาย ARARE คือลายที่นิยมของเครื่องเหล็กนัมบุ  ต้องจุดที่ละจุด -
 

- แพงจนขนลุก -
 

- ผลิตภัณฑ์บางส่วน -
 

- ส่วนหนึ่งของ เครื่องเหล็กนัมบุโบราณ จากพิพิธภัณฑ์
 


            สิ่งที่เป็นของคู่กันในช่วงฤดูหนาว ก็ต้องเทศกาลหิมะเลยค่ะ ที่อิวาเตะก็มีเช่นกัน โดยจัดที่ Koiwai Farm ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 50 แล้ว ปีนี้จะมีการแสดงดอกไม้ไฟฉลองปีที่ 50 ตอน 6.30 น. อีกด้วนค่ะ  ภายในงานเทศกาลหิมะก็จะเต็มไปด้วยกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย อย่างเช่น เขาวงกต ลานสโลปสำหรับเล่นสโนว์ทูป  รถไฟหิมะ แต่ละอย่างคนค่อนข้างต่อแถวเยอะหน่อย เพราะเข้าฟรี ปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่ 4 - 12 ก.พ. 2017


- บริเวณทางเข้า -
 
            เนื่องจากคนมาเยอะมากก็เลย พื้นก็เลยลื่นมาก ๆ  เวลาเดินต้องระวังลื่นมาก ๆ นอกจากโซนเล่นสนุกแล้วก็ยังมีโซนร้านอาหารให้เลือกกินอีกเยอะแยะเลยค่ะ อากาศหนาว ๆ ควรจะมีอะไรร้อนมาแก้หนาวสักหน่อย งานเทศกาลหิมะเป็นที่นิยมของครอบครัวอย่างมาก เด็ก ๆ ก็จะมาเล่นสนุกเต็มไปหมด วิ่งกันไม่กลัวลื่นเลย บางคนเหนื่อยก็นอนในกระบะให้พ่อหรือแม่ลากซะเลย สบายจุง



- โซนกิจกรรม -


- โซนร้านอาหารทางถนัดเลย -
 
 
 
- กินแก้หนาวไปหนึ่งไม้ -
 
            นอกจากนี้ยังมีโซนบาบีคิวที่เขาสร้างเป็นกระท่อมหิมะขึ้นมาให้เราเข้าไปปิ้งย่างในนั้นได้อีกด้วย หลังจากเดินดูจนทั่ว เกือบได้เวลาชมการแสดงดอกไม้ไฟแล้ว
            เมื่อดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นมาพร้อมกับดนตรีบรรเลงประกอบ เป็นอะไรที่สวยมาก ๆ ดูเพลินเลย ดูไปก็จะได้เสียงคนญี่ปุ่นร้องว้าว เวลาที่ดอกไม้ไฟบานเต็มทั่วท้องฟ้า งามมากค่ะ

 
 

- การแสดงดอกไม้ไฟฉลองครบปีที่ 50 -
 
 
 
             หลังจากชมดอกไม้ไฟเสร็จ เราก็เดินทางไปยังที่พัก ณ Hotel Taikan  หนึ่งในโรงแรมที่อยู่ใน Tsunagi Onsen ทางโรงแรมก็เตรียมมื้อเย็น เป็นชุดอาหาร Kaiseiki ประจำฤดูไว้ให้ จัดเต็มก่อนนอนไม่อ้วนกลับไปได้อย่างไรงานนี้แน่นอนอาหารไม่ขาดเบียร์ท้องถิ่นต้องครบ มื้อเย็นมื้อสุดท้าย ณ อิวาเตะแล้ว ต้องจัดเต็มหน่อยค่ะ ที่สำคัญพนักงานก็ดี๊....ดี บอกต่อด้วย 
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.hotel-taikan.com/

 
 

 - ชุดอาหารเย็น -
 

- งานดี๊ ดี จริงไหมคะ  -

            ในส่วนของห้องพักก็มีให้เลือกทั้งแบบโมเดิร์นและแบบทาทามิ ถ้าต้องการความเป็นญี่ปุ่น และห้องที่หรูเลิศ มีอนเซ็นส่วนตัวในห้อง อิจฉาคนที่ได้พักห้องนี้จุง
            ขอตัวไปแช่อนเซ็นรวมคลายหนาว แต่แยกชายหญิงนะคะ จะได้หลับฝันดี พรุ่งนี้ต้องกลับประเทศไทยแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะร้อนปรอทแตกถึงไหน แค่คิดเหงื่อก็แตกแล้วค่ะ
 

- ห้องนี้มีอนเซ็นส่วนตัว -
 
 

- แต่อนเซ็นหญิงกลางแจ้ง ฟินกว่าเยอะ คนไม่มี แช่คนเดียวเพลิน ๆ เลยค่ะ -
 

- วิวจากห้องพักตอนเช้า -
 
 
           วันสุดท้ายแล้ว เหมือนเพิ่งมาถึงเอง  วันนี้เหลืออีก 2 ภารกิจพิชิตอิวาเตะ  เราเดินทางจากโรงแรมไปประมาณ 15 นาที เพื่อไปยัง หมู่บ้านหัตถกรรมโมริโอกะ (Morioka Handi-Works Square) สถานที่ที่เป็นแหล่งรวบรวมงานหัตถกรรมไว้มากมายหลายแขนง โดยมี 2 โซนด้วยกัน โซนที่ 1 ก็คือ โซนจัดแสดงเกี่ยวกับงานฝีมือและของขึ้นชื่อในแต่ละเมืองมารวบรวมไว้ในที่เดียว อาทิ เครื่องเหล็กนัมบุ ตู้อิวายะโดทันสึ เครื่องถ้วยเคลือบโจโบจิอุรุชิ สาเกท้องถิ่น และอีกมากมาย
 
 
- บริเวณพิพิธภัณฑ์ -
 

- รวมของดีหลายๆ เมือง -
 
- อิวายะโดทันสึ (Iwayado Tansu) - 
 
 
            โซนที่ 2 จะเป็นโซนที่รวบรวมงานหัตถกรรมไว้มากมายหลายแขนง ให้เราเลือก Workshops  มากถึง 14 ขาด้วยกันค่ะ สำหรับWorkshops ที่ง่านที่สุดก็น่าจะเป็นการลงมือทำขนมนัมบุ เซมเบ้ (Nanbu Senbei) ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที แค่นวดแป้งให้เป็นแผ่นกลม จากนั้นคุณป้าเจ้าหน้าที่ก็จะใส่ถั่วและแป้งลงบนแท่นพิม จากนั้นเราก็ทำการปิ้ง จับเวลาข้างละ 30 วินาที  กลับ-ไปมา ประมาณ 3-4 รอบ ก็กินได้แล้ว จ่ายเพียงแค่ 100 เยน รสชาติอร่อยมาก ฉีกกฎเซมเบ้แห้งๆ ที่เคยกินมาก่อนเลย หรือว่าจะซื้อกลับไปเป็นของฝากที่โซนร้านค้าก็มีให้เลือกหลากหลาย ของท้องถิ่นเมืองอื่น ๆ ในอิวาเตะก็มีให้เลือกเยอะเลย
 

- เหล็กที่เป็นพิมพ์หนักมากกก กล้อมแทบขึ้น - 
 
 

- ขนมนัมบุ เซมเบ้ (Nanbu Senbei)  -
 
            หลังจากเดินดูว่าจะ Workshops อะไรดี มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว เดินดูไปมาก็เลยตัดสินที่ทำผ้ามัดย้อม ในสไตล์ของตัวเอง เป็นอันปิดจ็อบแรกของเราในเช้านี้
 

 
 
 
            มาญี่ปุ่นฤดูหนาวจะไม่ไปลานสกีก็เสียเที่ยวแย่เบย ก็เลยลองแวะไปลานสกีชิซึคุอิชิ (Shizukuishi Ski Resort-Prince Hotel&Resorts) เมื่อไปถึงก็ว่าจะขอลองจับไม้สกีฃลองเล่นดูหน่อย แต่...เวลาที่มีน้อยเกินไป เรียนไม่ทันแน่นอน ก็เลยได้ไปแค่ที่โซนเด็ก และเล่นสโนว์ทูปเท่านั้น อายเด็กน้อยจุง ไม่ได้เล่นสกี แต่เราต้องไม่อดก็เลยแวะกินอาหารกลางวันที่นี่ซะเลย กินไปดูคนอื่นเล่นสกีไปก็ได้
 

- เล่นสโนว์บอร์ดเท่มาก -
 

- น้อง ๆ เล่น สโนว์ทูป กันหลายรอบมาก -
 
 
 

- กินข้าว ชมลานสกี -

            เมื่อกินเสร็จเจ้าหน้าที่ก็พอเราไปดูห้องพัก เพื่อหนาวหน้าจะมาฝึกเล่นสกีจริงจัง อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลายก็เลือกตามกำลังทรัพย์ของเราแล้วกันนะคะ มีหน้าต้องหาโอกาสมาลองฝึกเล่นสกีซะแล้ว เห็นคนอื่นเล่นดูเท่จุง
ลายละเอียดเพิ่มเติม :  http://www.princehotels.com/en/ski/shizukuishi/index.html
 

- ห้องหลาย ๆ แบบ -
 

- อนเซ็นแก้หนาว - 
       
     ต้องเดินทางเข้าโตเกียวแล้ว เพราะต้องขึ้นเครื่องกับช่วงเที่ยงคืน ถึงแม้จะมา 5 แต่เที่ยวอิวาเตะจริง ๆ แค่ 4 วัน 3 คืน อย่างแรกเลยที่รู้สึกก็คือมาจากโตเกียวไม่ยากเลย แค่ 2 ชั่วโมงนิด ๆ แต่ละที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปก็ดีงามชอบที่สุดก็หิมะนี่ล่ะ คือแบบละเอียดมากกกกกก รู้สึกดีทุกครั้งที่หิมะตกลงมา เหมือนเป็นเอลซ่า จริงๆ ไม่ต้องเต็ม ๆจังหวัดเดียวแบบเขาก็ได้นะ แวะเที่ยวจังหวัดอื่น ๆ ในโทโฮคุไปด้วยก็ได้ แต่สำหรับเราค่อย ๆ เก็บที่ละจังหวัดดีกว่า จบแล้วการท่องเที่ยวในอิวาเตะ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีค่า ^ ^

รายละเอียดเพิ่มเติม จ.อิวาเตะ :  http://www.japan-iwate.info/

 

-  "โอโมจจิ" 1 ใน 5 มาสคอตของอิวาเตะ  -
 

- บรรยากาศยามเย็น แสงลอดมากจากเมฆ -