ได้ยินมานานว่า ฮอกไกโดนั้นได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของประเทศญี่ปุ่น เพราะมีพื้นที่ประมง และเกษตรกรรมขนาดใหญ่
วัตถุดิบชั้นดีในการทำอาหารญี่ปุ่นจึงถูกส่งตรงจากฮอกไกโดกระจายไปทั่วญี่ปุ่น และมื้อกลางวันสุดพิเศษวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมื้อที่เรากำลังจะได้พิสูจน์ความเป็นคลังวัตถุดิบชั้นดีของฮอกไกโด วันนี้คณะผู้จัดงาน“Hokkaido Snow Travel Expo 2014 in Niseko” พาพวกเรามาทานอาหารกลางวันมื้อพิเศษที่ “นิเซโกะ ฮานาโซโนะ รีสอร์ท”
กับร้านอาหารสุดโรแมนติก “Asperges Hanasono restaurant” ในรีสอร์ท






















































































































ซึ่งวันนี้ทางร้านได้นำเสนอเมนูอาหารกลางวันจากฝีมือเชฟ  Hiroshi Nakamichi เชฟมิเชอร์ลินระดับสามดาว ซึ่งเชฟ Nakamichi นี้ได้บรรจงคัดสรรเอาวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นดีจากฮอกไกโดมาทำอาหารให้พวกเราได้ลองลิ้มชิมรสกันอย่างจุใจ  โดยเสิร์ฟเป็นคอร์สในรูปแบบอาหารตะวันตก
ที่เริ่มต้นด้วยเมนูแรก นั่นก็คือ “ Vegetable soup, minestrone” ที่เราขอยกให้เป็นสุดยอดเมนูแสนอร่อยที่สุดแสนสวยและอ่อนหวาน เพราะเชฟบรรจงทำเป็นซุปใสที่เสิร์ฟมาอย่างสวยงาม บนถ้วยกาแฟสีขาวสบายตาซึ่งซุปนี้มีส่วนประกอบสำคัญคือผักและดอกไม้ท้องถิ่น และวางปิดปากถ้วยด้วยขนมปังปิ้ง
วิธีกินจึงสนุกและสร้างสรรค์สุดๆ นั่นก็คือเราต้องค่อยๆกดแผ่นขนมปังปิ้งให้หักลงไปในถ้วยที่มีซุปร้อนๆรออยู่ แผ่นขนมปังจะชุ่มไปด้วยน้ำซุป และผักสดกับดอกไม้ก็จะลงไปผสมกับน้ำซุป จากนั้นก็ค่อยๆตักกิน เราก็จะได้รสชาติของซุปใสที่อุ่น อร่อย กลมกล่อม ที่มาพร้อมกับความสดชื่น และสวยงาม
หลังจากซุปแล้วก็ตามมาด้วย “Raw oyster plate” หอยนางรมสดๆ สุดแสนหวานที่เปิดฝามาพร้อมให้รับประทาน โดยบรรจงเสิร์ฟมาบนน้ำแข็งเพื่อคงความสดอร่อยของหอยนางรมไว้ให้มากที่สุด เวลาจะกินก็เพิ่มรสชาติด้วยการบีบเลม่อนลงบนเนื้อหอยในฝา พร้อมกับตักชีสใส่และโรยเกลือป่นอีกหน่อย
แล้วค่อยๆเทเนื้อหอยสดๆนั้นเข้าปากพร้อมกับกินน้ำในฝาหอยตามไปด้วย รับรองว่าทุกคนจะได้ลิ้มชิมรสความหวาน สดชื่นของเนื้อหอยนางรมที่ ผสมความเปรี้ยวนิดๆติดปลายลิ้นเรียกว่า หวานอร่อยจนแทบไม่อยากกลืน
หลังจากหอยนางรมแล้วก็ตามมาด้วย “Beef cheek Hokkaido stewed in red wine sauce”ซึ่งก็คือเนื้อวัวตุ๋นซอสไวด์แดง ที่มาพร้อมกับมันฝรั่งบด
เมนูนี้ถูกจัดตกแต่งมาอย่างสวยงามเช่นเดียวกับเมนูอื่นๆ เนื้อวัวนั้นถูกตุ๋นมาจนเปื่อยยุ่ยได้ที่เรียกว่าอร่อยแบบละลายในปาก และมีรสชาติที่เข้มข้นมากถ้าจะให้ลงตัวก็ต้องตักกินพร้อมๆกับมันฝรั่งบดเพราะมันจะช่วยเพิ่มความมันและทำให้เนื้อวัวตุ๋นยิ่งกลมกล่อม ละมุนละไมเมนูนี้เราเผลอกินหมดอย่างรวดเร็วแบบไม่รู้ตัว






















































และตบท้ายด้วยเมนูของหวาน “Small-Tomato and eggplant compote”ที่เราขอยกนิ้วให้เรื่องความคิดสร้างสรรค์ก็ใครจะเชื่อละว่าผักสดๆก็สามารถนำมาทำเป็นขนมหวานได้อร่อย สดชื่น และสวยงามขนาดนี้ รสชาติความอร่อยสดชื่นของผักยังอยู่ครบถ้วน แต่มีน้ำเชื่อมที่มาเป็นตัวช่วยทำให้มะเขือเทศและมะเขือยาว
หวานสดชื่นมากขึ้นไปอีก สำหรับเมนูนี้เรากล้าท้าคนที่ไม่ชอบกินผักเลยว่า… ถ้าใครได้ลองแล้วคุณจะรักผักได้ไม่ยากเลย และอยากจะกินผักสดๆอร่อยๆแต่หวานละมุนละไมแบบนี้อีกไม่รู้เบื่อ จากนั้นก็ตบท้ายด้วยกาแฟร้อนและ “Petit sweets”อีกนิดเป็นอันเรียบร้อยต้องบอกว่ามื้อกลางวันสุดพิเศษที่สร้างสรรค์โดยเชฟระดับมิเชอร์ลินสามดาววันนี้
เกินบรรยายและอร่อยไม่รู้ลืมจริงๆ

ขอบคุณเรื่องดีๆและรูปภาพน่ารักๆจากคุณ nana_Nart ด้วยค่า….