ร้านเนื้อวากิวรสเลิศ Kakunoshin R+

::: JAPAN UPDATE : 2018-05-31 09:41:47

        สำหรับร้าน Kakunoshin R+ ก่อตั้งโดย Mr.Masuo Chiba ผู้ที่สามารถทำให้วากิวทุกชิ้น ไม่ว่าจะมาตรฐานไหน ก็ออกมารสชาติล้ำเลิศลุ่มลึก จนได้รับฉายาว่า Niku Ojisan (肉おじさん) หรือ คุณลุงเนื้อ จากนั้นเขาจึงก่อตั้งโรงเรียน Kakunoshin ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการย่างเนื้อขึ้นมา 



 
       จุดเริ่มต้นของ โรงเรียน Kakunoshin แห่งนี้ เนื่องจากเซนเซชิบะ เกิดและเติบโตในครอบครัวเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว อยู่ที่จังหวัด Iwate ณ เมือง Ichinoseki
เซนเซจึงมีความรู้และสนใจสิ่งนี้มาตั้งแต่ต้น และได้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพยายามของเหล่าเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว จึงพยายามนำวัตถุดิบต่าง ๆ โดยเฉพาะ Wagyu เข้ามายัง โตเกียวและตั้งใจให้กระจายออกไปสู่วงกว้างมากที่สุด จึงพยายามศึกษาให้ใจเข้าเนื้อทุกชิ้นส่วน เพื่อจะได้ดึงรสชาติอันโอชะของเนื้อในทุก ๆ ระดับ ไม่ว่าจะ A B หรือ C ให้ออกมาอร่อยไม่แพ้กันสักชิ้น และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัวที่เหล่าเกษตรกรตั้งใจเลี้ยงมาอย่างถนุถนอมอีกด้วย (ปรบมือรัวๆ ให้เลย)


Kanzaki Aging Beef    


      จุดเด่นการย่างเนื้อ ด้วยวิธีการของเซนเซชิบะนั้น มีชื่อเรียกว่า Kanzaki Aging Beef โดยก่อนนำมาย่าง เนื้อจะต้องผ่านกระบวนการเก็บรักษา แบบ DRY-AGING เป็นเวลา 40 – 60 วันเสียก่อน เพื่อไล่ความชื้นออกจากเนื้อ และต้องหั่นชิ้นเนื้อให้เป็นสี่เหลี่ยมใหญ่ ๆ แบบนี้ มีชื่อเรียกว่า Katamariyaki (塊焼) เซนเซบอกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด  ทำให้เราได้ลิ้มรสวากิวที่ทั้งนุ่มและชุ่มฉ่ำ ถึงแม้จะผ่านกระบวนการเก็บรักษามานาน แต่วิธีการนี้ก็ไม่ทำให้วากิวสูญเสียรสชาติแต่อย่างใด แต่เดี๋ยวก่อน!!! ถ้าหากย่างผิดวิธี ก็จะทำให้เสียรสชาติได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการย่างนั้นต้องทำอย่างไรนั้น เรามีวิธีมาบอก






        วิธีการย่างนี้ เซนเซตั้งชื่อไว้ว่า Niku ojisan no mizufusen riron  (肉おじさんの水風船理論 ) หมายถึง "ทฤษฎีลูกโป่งน้ำ โดย คุณลุงเนื้อ" 
        ขั้นตอนแรก เราต้องสังเกตเนื้อก่อน เน้นที่เส้นสีขาว ๆ ซึ่งก็คือ Sashi หรือ ไขมันแทรก ที่อยู่ระหว่างเนื้อแดง ซึ่ง Sashi เหมือนกับหลอดที่บรรจุน้ำอยู่ด้านใน ซึ่งก็คือน้ำมันของเนื้อนั่นเอง ห้ามให้ละเหยไปเด็ดขาด เพราะนั่นคือความอร่อย ดังนั้นเราจึงต้อง ย่างเพื่อเป็นการปิดทางน้ำมันออกทั้ง 2 ด้าน ถ้าย่างนานเกินไปหลอดอาจจะแตกได้ แค่ให้พอมีสีน้ำตาลเข้มก็พอ จากนั้นก็ย่างให้ครบทั้ง 4 ด้าน พลิกไป-มา เพื่อให้ความร้อนกระจายเท่ากันทุกด้าน เมื่ออุณหภูมิของ Sashi สูงขึ้น น้ำมันของเนื้อก็เพิ่มขึ้นเมื่อไม่มีทางออก ก้อนเนื้อก็จะพองตัว จึงเป็นที่มา "ทฤษฎีลูกโป่งน้ำ" นั่นเอง แต่...ยังไม่จบแค่นี้นะ  ถ้าหากหั่นเนื้อตอนนี้มีโอกาสที่น้ำมันจะไหล ทำให้เสียรสชาติได้ค่ะ ควรจะพักเนื้อ เพื่อระบายไอน้ำ ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นหั้นเนื้อให้มีขนาดของ Sashi ที่ยาวพอดี เพราะเมื่อเรากินเนื้อชิ้นนั้นเข้าไป หลังจากได้ลิ้มความนุ่มละมุนลิ้นแล้ว เมื่อเคี้ยวโดนหลอดไขมันด้านใน ทั่วทั้งปากของเราก็จะฉ่ำไปด้วยรสชาติอันหวานลิ้นของรสวากิว





 
          วิธีเดินทางมายัง Kakunoshin R+ ห่างจากสถานีรถไฟ Roppongi ไม่ถึง 5 นาที เซนเซอาจจะไม่ได้มาย่างให้ แต่มีพนักท่านอื่นรอต้อนรับอยู่แน่นอน ซึ่งทุกคนล้วนได้รับการเทรนมาอย่างดี อร่อยไม่แพ้กันแน่นอนค่า
 
Kakunoshin R+






         หากชอบกินเนื้อแบบจานเดียวก็ขอแนะนำที่นี่เลน Kakunoshin F(肉屋 格之進F) เป็นร้านในเครือของเซนเซ่นกัน เมนูส่วนใหญ่จะเน้นเป็นอาหารจานเดี่ยว แน่นอนว่าเมนูเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับวากิวอย่างแน่นอน  แต่ละเมนูเชฟของร้านก็ปรุงอย่างพิถีพิถันสุด ๆ จุดเด่นอีกอย่างของร้านนี้ ก็คือ ตู้แช่เนื้อที่ตั้งอยู่หน้าร้านเลยค่ะ เพื่อเป็นการยืนยันว่า เนื้อของที่นี่คุณภาพดีเยี่ยมแน่นอน



 
 
         หากทุกคนอยากรู้ว่าร้านไหนที่ขายวากิวญี่ปุ่นแท้ ๆ ให้สังเกตที่สัญลักษณ์ของชื่อร้านเลย จะต้องมีหน้าวัวและกรอบสี่เหลี่ยมแบบนี้  เพื่อยืนยันว่าเป็น Wagyu แท้ที่เลี้ยงในญี่ปุ่น สัญลักษณ์นี้ถูกกำหนดขึ้นโดยสมาคมอุตสาหกรรมปศุสัตว์แห่งญี่ปุ่น 
        วิธีเดินทางมายัง Kakunoshin F(肉屋 格之進F)แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ชั้น B1 อาคาร ARK Hills South Tower  เดินจากสถานีรถไฟ Roppongi-itchome (六本木一丁目駅) ไม่เกิน 5 นาทีจ้า


Kakunoshin F


WEBSITE : http://kakunosh.in/